สองสามีภรรยาสู้ชีวิต สามีตาบอดขับรถ ภรรยาบอกทาง ตระเวนขายไอศกรีม
มีสองสามีภรรยาสู้ชีวิต ซึ่งทุกๆวัน ที่บริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล จะเห็น นายดารด องสารา อายุ 55 ปี พร้อมด้วยนางคอรีย๊ะ องสารา อายุ 47 ปี ชาวบ้านตะโล๊ะใส ต.ปากน้ำ อ.ละงู
สู้ชีวิตขับรถจัรยานยนต์พ่วงข้างขายไอศรีมมานานกว่า 30 ปี ทั้งที่ตาบอด โดยมีภรรยาคอยบอกทางให้ ส่วนไอศกรีมเป็นกะทิรสดั้งเดิม ไม่หวานมาก หอมกะทิอร่อย ราคาถูก เพียงถ้วยละ 20 บาท มีข้าวเหนียว วุ้นมะพร้าว ขนมปัง ถั่วลิสงคั่ว และมีท็อปปิงแต่งหน้าสำหรับเด็กๆ
นายดารด บอกว่า ตนตาบอดตั้งแต่กำเนิด แม้จะไม่ได้บอดสนิท แต่ก็มองอะไรไม่เห็น เห็นเพียงเงาดำลางๆที่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นอะไร โดยในวัยเด็กก็รับจ้างขายขนมตามบ้าน ได้ค่าจ้างคิดเป็นเปอร์เซ็นต์วันละ 50 บาท ใครว่าจ้างให้ทำอะไรทำให้หมด
จนกระทั่งมาพบคนขายไอศกรีม จึงคิดว่าหากตนไปรับจ้างทำงานอย่างอื่นไม่ได้ ก็จะขายไอศกรีม จึงขอแต่สูตรเขามาทำ แต่เนื่องจากตาบอด ก็ลองผิดลองถูกอยู่นาน กระทั่งมาปรับสูตรของตนเอง
ต่อมาเมื่อแต่งงาน ก็ให้ภรรยาคอยบอกทาง ส่วนตนเป็นคนขับรถมาขายตามสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา เพราะหัวหน้าอุทยานใจดี อนุญาตให้ตนเข้ามาจอดรถขายได้ โดยขายมานานกว่า 30 ปีแล้ว
จากที่เคยขายได้วันละ1 ถังช่วงท่องเที่ยวคึกคัก แต่นี้ไม่มีนักท่องเที่ยว ต้องขับรถตระเวนขาย ซึ่งมีภรรยาคอยบอกทาง โดยจะขับช้าๆ หากมีรถสวนมาก็จะหยุด ก่อนจะเลี้ยวรถต้องแน่ใจว่าปลอดภัยจึงขับข้ามถนน ขณะเดียวกันก็เชื่อมั่นในสายตาของภรรยาที่คอยบอกทางให้ เหมือนรวมใจเป็นหนึ่งเดียว
อย่างไรก็ตาม ช่วงCd-19 ระบาดหนักในห้วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ชีวิตลำบากมาก แต่ก็สู้ต่อไป หากในอนาคตไม่มีภรรยาคอยบอกทางให้ ก็คิดว่าจะยึดอาชีพสีไวโอลินตามที่ท่องเที่ยว เพราะตนทำอาชีพอื่นไม่ได้แล้ว
แม้ตาบอดก็ยังขับรถขายไอศกรีม ถือเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นในการสู้ชีวิต โดยเฉพาะไอศกรีมของนายดารดนั้นเมื่อก่อนมีหลายรส แต่ที่ขายดีที่สุดคือรสกะทิดั้งเดิม แกจึงยึดขายรสกะทิเพราะมีความหอมมันและเข้มข้นไม่ใส่สารเจือปนอย่างอื่น
แม้กระทั่งน้ำนมแมวเพิ่มความหอมก็ไม่ใส่ ที่พิเศษคือภาชนะไม่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อม เป็นไม้ตักและถ้วยกระดาษ และทางหัวหน้าอุทยานฯจึงให้แกมาขายในอุทยานฯได้ เพราะนโยบายปลอดโฟม